ช.ส.ท. จัดกิจกรรมท่องเที่ยว ในธีมสุดเก๋ “สุขทันที..ที่เที่ยวภาคตะวันออก” ประเดิมที่ ระยอง-จันทบุรี สายเที่ยววัยเก๋า ปรบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก (EP1)
ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) นำโดย คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมฯ นำเหล่าสมาชิกสื่อมวลชนและนักท่องเที่ยวรุ่นใหญ่วัยเก๋ากว่า 80 คน เดินทางท่องเที่ยวสู่จ.ระยอง -จันทบุรี และเกาะช้าง จังหวัดตราด ระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567
ไฮไลท์อีกอย่างที่สำคัญของทริปนี้ นั่นคือ การได้ท่องเที่ยวและชิมผลไม้อร่อยในเทศกาลผลไม้ภาคตะวันออก เราจะได้ลิ้มรสทุเรียนชะนีรสชาติอร่อย ซึ่งเป็นทุเรียน GI ของเกาะช้างอีกด้วย
โดยในวันแรกของการเดินทาง สู่เส้นทางท่องเที่ยวภาคตะวันออก ทางคณะท่องเที่ยว ได้เคลื่อนขบวนไป
ชมสีสันดอกไม้เมืองหนาว ณ ศูนย์เลิศพนานุรักษ์ ระยอง ซึ่งศูนย์เลิศพนานุรักษ์ ภายใต้โครงการนิทรรศน์พรรณพฤกษา ภายในอาคารสำนักงานใหม่ของ PTTLNG ที่นิคมมาบตาพุด จ.ระยอง
ที่นี่มีการออกแบบให้มีระบบนิเวศที่มีความหลากหลาย มีป่าและพื้นที่ชุ่มน้ำประเภทต่าง ๆ สอดคล้องกับระบบนิเวศดั้งเดิมของจังหวัดระยอง
ทั้งยังเป็นการสะท้อนแนวคิดหลักของการประสานกันอย่างลงตัวระหว่างอุตสาหกรรม ธรรมชาติ และชุมชน รวมไปถึงการใช้พลังงานทดแทน อาทิ พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่โครงการ ทั้งยังมีอาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา เป็นพื้นที่จัดแสดงไม้เมืองหนาวที่ปลูกและดูแลรักษาให้เจริญเติบโตจากการนำพลังงานความเย็นที่เหลือใช้จากกระบวนการแปรสภาพ ก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LIQUEFIED NATURAL GAS (LNG) ไฮไลท์ที่ต้องห้ามพลาดอีกอย่าง นั่นคือ การชมห้องแสดงดอกไม้เมืองหนาว เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพต่อยอดด้านการเกษตร อาทิ ดอกทิวลิป ดารารัตน์ ไฮเดรนเยีย
การจัดแสดงมีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตามแต่ละเดือนและเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมได้ฟรีตลอดทั้งปี เพื่อเป็นการคืนกำไรให้แก่สังคมและเสริมสร้างการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดระยอง ทั้งนี้ เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 09.30 -16.00 น. เปิด วันจันทร์ – เสาร์ หยุดวันอาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์
ชมความงดงามของพระอุโบสถสีน้ำเงิน ที่วัดปากน้ำแขมหนู จ.จันทบุรี
วัดปากน้ำแขมหนู ตั้งอยู่ในบริเวณสะพานปากน้ำแขมหนู ริมชายฝั่งปากอ่าว ตำบลตะกาดเง้า เมื่อโบสถ์หลังเก่าที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 เริ่มชำรุดทรุดโทรมมากขึ้น เพราะวัดตั้งอยู่ติดกับทะเล จึงมีการผุกร่อนมาก ทางวัดและชาวบ้านจึงมีมติร่วมกันที่จะดำเนินการรื้อโบสถ์หลังเก่า และสร้างโบสถ์ใหม่ขึ้นในปี พ.ศ. 2534 และเพื่อความแข็งแรงของโบสถ์ที่ตั้งอยู่ใกล้ทะเล ซึ่งโดนน้ำเค็มกัดกร่อนตลอดเวลา จึงใช้เซรามิกที่มีความมันเงา คงทนแข็งแรง มาเคลือบชั้นปูนป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ทำให้โบสถ์มีความสวยงามคลาสสิกแปลกตา เป็นที่สะดุดตาต่อนักท่องเที่ยว ที่ต่างเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและไหว้พระทำบุญ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิต.
ติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่ (EP2)
