วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส DPU เปิดคอร์สอบรมเชิงปฏิบัติการ “การนวดตามแนวเส้นประธานสิบ”เพื่อยกระดับแพทย์แผนไทยฝีมือดีด้านการนวดไทยขั้นสูง รักษาโรค-ดูแลสุขภาพ ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

บก.

วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส DPU เปิดคอร์สอบรมเชิงปฏิบัติการ “การนวดตามแนวเส้นประธานสิบ”เพื่อยกระดับแพทย์แผนไทยฝีมือดีด้านการนวดไทยขั้นสูง รักษาโรค-ดูแลสุขภาพ ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) นำโดย รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณบดี เป็นประธานเปิดโครงการอบรมการนวดตามแนวเส้นประธานสิบสำหรับการรักษาโรคและการส่งเสริมสุขภาพ (Thai Ten Meridian Massage for Therapeutics and Health Promotion) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2627 สิงหาคม 2567 ณ ห้อง 10111 อาคาร 10 วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูการนวดแผนไทยซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ทรงคุณค่าในการดูแลสุขภาพ ตลอดจนพัฒนาทักษะความรู้ด้านการนวดไทยขั้นสูงให้กับแพทย์แผนไทยรุ่นใหม่ ให้มีคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล  

ทั้งนี้วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส ได้จัดโครงการอบรมการนวดตามแนวเส้นประธานสิบฯ ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ประกอบด้วย ดร.พท.ชาคริยา หลิน , Ph.D.  แพทย์แผนไทย โรงพยาบาลวิชัยยุทธ และชาคริยาคลินิกการแพทย์แผนไทย และ พท.นิกรณ์ จันทร์แสง แพทย์แผนไทย โรงพยาบาลวิชัยยุทธ มาอบรมให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ มีบุคลากร และนักศึกษาของวิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส และบุคคลภายนอกที่เป็นแพทย์แผนไทย สนใจเข้าร่วมรับการอบรม จำนวน 70 คน ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมในครั้งนี้จะนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาวิชาชีพของตัวเองเพื่อการบริการสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย

รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณบดี กล่าวว่า  การฝึกอบรมในครั้งนี้ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1.นิทรรศการในหัวข้อ “นวัตกรรมสมุนไพรไทยเพื่อสร้างเศรษฐกิจ” ตามแนวทางของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่มุ่งมั่นพัฒนาไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความยั่งยืน โดยนำเสนอการพัฒนาสมุนไพรไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าจนเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่มีคุณภาพ ส่วนที่ 2 คือการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อฟื้นฟูการนวดไทยขั้นสูงในหัวข้อ “การนวดตามแนวเส้นประธานสิบสำหรับการรักษาโรคและการส่งเสริมสุขภาพ”

“การนวดแผนไทยมีหลายเทคนิค เช่น การนวดราชสำนัก การนวดเชลยศักดิ์ และการนวดแบบพื้นบ้าน ซึ่งล้วนอ้างอิงกับหลักทฤษฎีการนวดตามแนวเส้นประธานสิบ วันนี้เราได้ฟื้นฟูภูมิปัญญาดังกล่าวด้วยการผลิตตำราการนวดตามแนวเส้นประธานสิบ โดยเปรียบเทียบกับหลักกายวิภาคศาสตร์ หรือ Anatomy และหลักทางวิทยาศาสตร์การแพทย์โดยได้ทำงานวิจัยและทดสอบการอบรมแพทย์แผนไทยร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขหลายจังหวัด พบว่ามีประสิทธิภาพและได้ผลจริง สามารถสร้างหมอแผนไทยรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพสูงเป็นที่ยอมรับของกระทรวงสาธารณสุข จึงอยากเผยแพร่ความรู้เพื่อยกระดับและพัฒนาการนวดแพทย์แผนไทยทั้งประเทศ อีกทั้งเพื่อเพิ่มคุณภาพการบริการและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของเอเชีย หรือ “Medical Hub”  คณบดีวิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส ระบุ

ในส่วนการทำกิจกรรมทั้ง 2 วัน ผู้อบรมจะได้เรียนรู้ในหัวข้อต่างๆ โดยวันที่ 1 อบรมหลักทฤษฎีเส้นประธานสิบกับการนวดไทย , การกดหาแนวแล่นเส้นอิทา ปิงคลา สุมมนา กาลธารี สหัสรังสี ทวารี     รุชำ และจันทภูสัง , การกดหาแนวแล่นของเส้น สุขุมัง คิชชะ/สิขิณี เส้นสันตฆาต ปัตฆาต รัตฆาต  ส่วนวันที่ 2 เป็นภาคปฏิบัติการปรับสมดุลเกี่ยวกับคอ บ่า ไหล่ ศีรษะ หลัง เอว สะโพก แขน ข้อศอก ข้อเข่า สะบัก เท้า และในเวลา 15.00 น.เป็นต้นไป จะเปิดบริการสำหรับผู้ป่วยนอก (OPD)  เพื่อทดสอบการนวดไทยขั้นสูง และการนวดส่งเสริมสุขภาพสมอง ”Smart  Brain Massage “ หรือ นวดเสริมความจำ ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที โดยมั่นใจว่าผู้ที่ฝึกปฏิบัติและผ่านการฝึกอบรมด้วยหลักสูตรที่วิทยาลัย เฮลท์ แอนด์ เวลเนส ได้จัดขึ้น จะเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนประเทศไทย ด้านการบริการสุขภาพด้วยภูมิปัญญาของไทยสู่ระดับแนวหน้า ซึ่งจะเป็นส่วนส่งเสริมอุตสาหกรรมการบริการสุขภาพของประเทศ

ด้านนางสาวสุกัญญา ดิษฐาน อายุ 32 ปี ผู้เข้าร่วมโครงการอบรมการนวดตามแนวเส้นประธานสิบสำหรับการรักษาโรคและการส่งเสริมสุขภาพ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนได้เรียนหลักสูตรการเรียนแพทย์แผนไทย (ก) มาแล้ว และมองว่าด้านหัตถการก็มีความจำเป็นโดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ชาวบ้านส่วนใหญ่เข้ามานวดเพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แต่เมื่อเจอเคสนวด 6วัน ก็จะปวดเมื่อยข้อมือจึงพยายามหาวิธีที่ไม่ทำให้บาดเจ็บและประหยัดเวลา ที่ผ่านมาได้ไปศึกษาหัตถการอื่นๆ เช่น ครอบแก้ว หรือสักยา เป็นต้น

“การมาอบรมในวันนี้มีความสุขและได้ความรู้เยอะมาก วิทยากรได้อธิบายจุดได้ชัดเจน บอกชื่อกล้ามเนื้อได้ตรง ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะความรู้ที่มีและสามารถนำมาต่อยอดในวิชาชีพของตัวเองได้ อย่างไรก็ตามในอนาคตสนใจอยากเรียนต่อระดับปริญญาโทในหลักสูตรเฉพาะด้านการแพทย์แผนไทย เพื่อเตรียมที่จะไปเปิดคลินิกแพทย์แผนไทยของตัวเองด้วย”  นางสาวสุกัญญา กล่าว

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

DPU เปิดหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต กฎหมายการแพทย์และสาธารณสุข หลักสูตรแรกและหลักสูตรเดียวในประเทศไทย ที่บูรณาการศาสตร์กฎหมายและการแพทย์เข้าด้วยกัน เปิดรับสมัครแล้ววันนี้

DPU เปิดหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต กฎหมายการแพทย์แ […]

You May Like

Subscribe US Now