นักศึกษาแพทย์แผนไทย ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นวดไทย 7 กลุ่มอาการ ให้กับรัฐสภา พร้อมเดินหน้ายกระดับสมุนไพรไทย 10 ชนิด
อาจารย์ พท.อภิรัช ประชาสุภาพ หัวหน้าหลักสูตรแพทย์แผนไทยบัณฑิต วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า เมื่อวันพุธที่ 26 มีนาคม 2568 คณาจารย์หลักสูตรการแพทย์แผนไทย พร้อมด้วยนักศึกษาชั้นปีที่ 2 และศิษย์เก่า ได้ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข จัดกิจกรรมให้บริการนวดไทยที่อาคารรัฐสภา เขตดุสิต กรุงเทพฯ เพื่อให้บริการแก่คณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเจ้าหน้าที่รัฐสภา
กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและยกระดับภูมิปัญญาไทยด้านการนวดไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระทรวงสาธารณสุขในการพัฒนา Medical and Wellness Hub โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการแพทย์แผนไทยที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และเสริมสร้างขีดความสามารถในการให้บริการด้านสุขภาพด้วยการนวดไทย
การให้บริการในครั้งนี้มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพด้วยการนวดไทยเพื่อบรรเทาอาการใน 7 กลุ่มอาการหลัก ได้แก่อาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่องหรือการอักเสบจากการบาดเจ็บโรคหัวไหล่ติด ภาวะที่ข้อไหล่สูญเสียการเคลื่อนไหว มีอาการเจ็บและขยับได้ลำบาก โรคนิ้วล็อก การอักเสบของเส้นเอ็นที่นิ้วมือ ทำให้มีอาการติดขัดเมื่องอหรือเหยียดนิ้ว ภาวะกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (ปวดสลักเพชร) อาการปวดสะโพกร้าวลงขา จากกล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท การกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง ทำให้เกิดอาการปวดหลังและขา อัมพฤกษ์ อัมพาต ภาวะที่กล้ามเนื้ออ่อนแรงจากการทำงานผิดปกติของสมองหรือไขสันหลัง และอาการปวดเข่า พบในผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมหรือมีอาการอักเสบที่ข้อเข่า
อาจารย์อภิรัช เปิดเผยว่า นักศึกษาชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ได้รับโอกาสในการลงสนามปฏิบัติจริง โดยได้นำความรู้ด้านการนวดไทยมาใช้ในสถานการณ์จริง ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างทักษะเชิงปฏิบัติให้แก่นักศึกษา ทั้งนี้ การที่นักศึกษาสามารถให้บริการได้ตั้งแต่ชั้นปีที่ 2 สะท้อนถึงศักยภาพของการเรียนการสอนที่เน้นการปฏิบัติอย่างเข้มข้น โดยทั่วไปหลักสูตรอื่นอาจเริ่มฝึกปฏิบัติจริงในปีที่ 3 หรือปีสุดท้าย แต่ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นักศึกษาสามารถให้บริการได้เร็วกว่าหลักสูตรทั่วไป
“จากการจัดกิจกรรมในช่วงวันที่ 24-26 มีนาคม 2568 มีผู้เข้ารับบริการกว่า 200 คน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเจ้าหน้าที่รัฐสภา หลายคนแสดงความพึงพอใจในทักษะของนักศึกษา และยกย่องถึงคุณภาพของการนวดไทย นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงความร่วมมือในอนาคต เพื่อขยายโอกาสในการจัดกิจกรรมลักษณะนี้ในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป” อาจารย์ พท.อภิรัช กล่าว
นอกจากนี้ หัวหน้าหลักสูตรแพทย์แผนไทยบัณฑิต วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาสมุนไพรไทยว่า ในลำดับถัดไป กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมีแผนผลักดันการใช้ยาสมุนไพรไทย 10 รายการ สำหรับรักษา 10 กลุ่มโรคที่พบบ่อย ได้แก่ ยาไพล บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อ ลดการอักเสบ ยาฟ้าทะลายโจร ใช้รักษาไข้หวัดและโควิด-19 ด้วยฤทธิ์ต้านไวรัส ยาขมิ้นชัน ช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และบรรเทาอาการแน่นท้อง ยาเพชรสังฆาต รักษาอาการท้องผูกและริดสีดวงทวาร ยาขิง บรรเทาอาการวิงเวียน คลื่นไส้ และช่วยย่อยอาหาร ยามะระขี้นก กระตุ้นความอยากอาหาร และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ยากล้วย บรรเทาอาการท้องเสียและรักษาอาการระคายเคืองในทางเดินอาหาร ยาหอมเทพจิตร ช่วยผ่อนคลายความเครียด แก้อาการนอนไม่หลับ และบำรุงหัวใจ ยาพริก บรรเทาอาการชาจากอัมพฤกษ์และอัมพาต กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และยาว่านหางจระเข้ ใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และบรรเทาอาการระคายเคืองผิวหนัง
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการแพทย์แผนไทยทั้งด้านการนวดไทยและการใช้สมุนไพรไทย พร้อมทั้งสร้างนักศึกษาให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผู้สนใจในหลักสูตรนี้สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.dpu.ac.th/th/college-of-health-and-wellness
